ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส เผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นหลายประเทศ กลับมาฟื้นตัวเร็วและแรงขึ้น จนทำให้ตั้งแต่ต้นปี (YTD) ดัชนีตลาดหุ้นพลิกกลับมาเป็นบวก เช่น แนสแด็ก(Nasdaq) +14.8%, เยอรมันนี+11.5%, เกาหลีใต้+10.6%, ยุโรป +7.0%, ญี่ปุ่น +6.5%, MSCI World +6.0% เป็นต้น เนื่องจากปัญหาสถาบันการเงินผ่อนคลายมากขึ้น หลังภาคเอกชนยังเข้ามาปิดดีลซื้อกิจการ
ทั้งนี้รัฐบาลเร่งให้ความช่วยเหลือผ่านการอัดฉีดเม็ดเงินเสริมสภาพคล่อง สะท้อนได้จากขนาดงบดุล (Balance Sheet) ของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ เฟด (Fed) ที่กลับมาเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 3.9 แสนล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ ทำให้งบดุลของสหรัฐล่าสุดเพิ่มอยู่ที่ 8.78 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Fed watch Tool ของ CME เครื่องมือคาดการณ์ขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ พบว่าตลาดมองอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ใกล้ยุติวงจรขาขึ้นแล้ว โดยมีเพดานอยู่ที่ 5.0% เท่านั้น (ระดับเดียวกับปัจจุบัน) ขณะที่ปลายปี66 มีโอกาสเห็นอัตราดอกเบี้ยระดับ 4.5% ประเด็นที่กล่าวทำให้บรรยากาศความผันผวนในตลาดการเงินผ่อนคลายความกังวลลงไปได้ในระดับหนึ่ง
ดังนั้น ภาวะปัจจุบันที่มีแรงหนุนจากสภาพคล่องส่วนเกินเข้ามา ทำให้มีโอกาสเห็นกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย (SET) เนื่องจากในช่วงที่มีการเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงิน (QE) ตลาดหุ้นมักปรับขึ้น และซื้อขายบน P/E ที่สูงกว่าปกติ ขณะเดียวกันระดับ MEYG ค่อย ๆ ลดต่ำลงคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ซึ่งในอดีตมีหลายครั้ง MEYG ที่ต่ำกว่าระดับ 3% (ค่าเฉลี่ยปัจจุบันที่ 4.2%) ภายใต้สถานการณ์สภาพคล่องส่วนเกินล้นระบบ หรือกรณีที่มีโอกาสเห็นการปรับลดดอกเบี้ย ได้ผลลัพธ์ คือที่ MEYG 4.0% โดยดัชนีตลาดหุ้นไทย อยู่ที่ 1,610 จุด ถือเป็นโซนน่าสะสม ขณะที่ MEYG 3.75% (ใกล้เคียง MEYG ระดับปัจจุบัน) ดัชนีตลาดหุ้นไทย มีโอกาสขึ้นไปแตะ 1,670 จุดได้
เตือนคนทำงานกลางแจ้งระวัง “ฮีทสโตรก” เสี่ยงถึงชีวิต
“ฮีทสโตรก” อาการเป็นอย่างไร ? วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น ใครบ้างเสี่ยง